กระบองเพชร
โดยธรรมชาติของกระบองเพชรจะสามารถอยู่ได้ในกลางแจ้งที่มีแดดจัดเต็มที่ เพราะลักษณะของกระบองเพชรที่อยู่กลางแจ้ง จะมีผิวที่กร้านแดด ไม่สดใสสวยงาม ถ้าเทียบกับกระบองเพชรที่เลี้ยงโดยมีการพังแสงบ้างเล็กน้อย เว้นแต่ชนิดที่มีขนหรือหนามปกคลุมจนมิดเนื้อลำต้น
แคคตัสนั้นเป็นพืชที่สามารถกักเก็บน้ำในลำต้นเป็นเวลานานดังนั้นการรดน้ำแคคตัส
เราควรรดน้ำเฉลี่ยอาทิตย์ละครั้ง ย้ำนะ "เฉลี่ย"
ทั้งนี้ควรดูตัวแปรสำคัญในการรดน้ำด้วยนะ เช่น
สภาพอากาศ
ในการรดน้ำเราต้องดูว่าอากาศเป็นยังไงถ้าฝนจะตก(หรือว่าตกแล้ว)หรืออากาศชื้นก็ไม่ต้องรด
ถ้าอากาศแห้งเราควรพิจารณาดินว่าแห้งยัง ถ้าแห้งแล้วก็รดเลย
ทุกๆฤดูเราสามารถรดน้ำได้เฉลี่ยอาทิตย์ละครั้งถ้าในฤดูร้อนเราสามารถรดน้ำได้เป็นอาทิตย์ละสองครั้งได้
แต่ฤดูฝน เมื่อฝนตกแล้วพบว่าดินในกระถางเปียกอยู่ อย่างนี้อันตราย ควรเก็บเข้าไปในร่มเพื่อป้องกันรากเน่า
-กระถาง
ถ้าเป็นกระถางดินเผาดินจะแห้งได้เร็วเราสามารถรดน้ำได้เมื่อดินแห้ง ประมาณ3-4วันดินก็แห้ง แล้ว
กระถางพลาสติกกับกระถางเซรามิกพวกนี้จะแห้งช้าหน่อย บางที7วันก็ยังไม่แห้งเลย พวกนี้เราต้องสังเกตดีๆว่าดินแห้งหรือยังเพราะเราสังเกตได้ยาก โดยการนำไม้จิ้มลงไปแล้วดึงออกมาถ้าไม่มีดินเปียกๆแสดงว่าดินแห้งแล้ว ก็สามารถรดน้ำได้เลยค่ะ
-ลักษณะของต้น สามารถสังเกตโดยดูว่าต้นได้เหี่ยวๆรึเปล่าถ้ามันเหี่ยว ก็ดูต่อไปอีกว่าดินแห้งยัง ถ้าแห้งแสดงว่า เขามีอาการขาดน้ำ เราต้องรดน้ำครับ แต่ถ้ามันเหี่ยวทั้งๆที่ดินชื้นอยู่ให้ดึงออกมาดูว่ารากเน่าหรือเปล่า
แสง
เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญมากเพราะแคคตัสเป็นไม้ทะเลทรายต้องการแดดจัดๆ ตลอดทั้งวัน แต่ค่ะแต่ แคคตัส ต้นที่ยังเล็กๆอยู่ เค้าบอบบางครับ เราไม่ควรนำไปตากแดดตรงๆนัก ควรจะพรางแสงซัก50% ไม่งั้น
ต้นอาจจะไหม้ได้ครับ สำหรับต้นใหญ่ๆสามารถนำไปตากแดดได้โดยตรงครับ แต่ว่าแคคตัสที่ไม่เคยออกแดดเลยเราควรพรางแสงให้ก่อนสัก7วันเพื่อให้เค้าปรับตัว เป็นการป้องกันไม้ให้ผิวเสียค่ะ
**สำหรับแคคตัสGymnocalycium
ถ้าเค้าตากแดดมากๆเค้าจะเป้นสีดำออกม่วงๆ ไม่ต้องตกใจครับมันเป็นธรรมชาติของพันธุ์
กระถางพลาสติกกับกระถางเซรามิกพวกนี้จะแห้งช้าหน่อย บางที7วันก็ยังไม่แห้งเลย พวกนี้เราต้องสังเกตดีๆว่าดินแห้งหรือยังเพราะเราสังเกตได้ยาก โดยการนำไม้จิ้มลงไปแล้วดึงออกมาถ้าไม่มีดินเปียกๆแสดงว่าดินแห้งแล้ว ก็สามารถรดน้ำได้เลยค่ะ
-ลักษณะของต้น สามารถสังเกตโดยดูว่าต้นได้เหี่ยวๆรึเปล่าถ้ามันเหี่ยว ก็ดูต่อไปอีกว่าดินแห้งยัง ถ้าแห้งแสดงว่า เขามีอาการขาดน้ำ เราต้องรดน้ำครับ แต่ถ้ามันเหี่ยวทั้งๆที่ดินชื้นอยู่ให้ดึงออกมาดูว่ารากเน่าหรือเปล่า
แสง
เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญมากเพราะแคคตัสเป็นไม้ทะเลทรายต้องการแดดจัดๆ ตลอดทั้งวัน แต่ค่ะแต่ แคคตัส ต้นที่ยังเล็กๆอยู่ เค้าบอบบางครับ เราไม่ควรนำไปตากแดดตรงๆนัก ควรจะพรางแสงซัก50% ไม่งั้น
ต้นอาจจะไหม้ได้ครับ สำหรับต้นใหญ่ๆสามารถนำไปตากแดดได้โดยตรงครับ แต่ว่าแคคตัสที่ไม่เคยออกแดดเลยเราควรพรางแสงให้ก่อนสัก7วันเพื่อให้เค้าปรับตัว เป็นการป้องกันไม้ให้ผิวเสียค่ะ
**สำหรับแคคตัสGymnocalycium
ถ้าเค้าตากแดดมากๆเค้าจะเป้นสีดำออกม่วงๆ ไม่ต้องตกใจครับมันเป็นธรรมชาติของพันธุ์
เราสามารถใช้ดินปลูกต้นไม้ทัวไปตามร้านค้า
แคคตัสสามารถเติบโตได้
ในดิน(เกือบ)ทุกประเภท
ยกเว้น ดินเหนียวดังนั้นดินชนิดอื่นๆก็
กสมารถปลูกได้ครับแต่ก่อนปลูกอย่าลืมหาเศษหิน
ถ่าน รองก้นกระถางก่อนครับ เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดีชนิดของพันธุ์
แคคตัสแต่ล้ชนิดมความต้องการต่างกันนะครับบางพันุ์ก็ต้องการแสง,น้ำ มากน้อยต่างกัน คือ
-mammillaria
เช่นพวกแมมขนนกพวกนี้ชอบแดดจัดๆครับยิ่งได้แดดมากเค้ายิ่งงาม
เค้าไม่ค่อยชอบน้ำครับควรรดน้ำประมาณ3-10วันครั้งถ้าโดนน้ำมากๆนี่เน่าได้เลยนะครับและเน่าง่ายด้วย
เช่นแมมขนนก แมมนิ้วทอง
-echonopsis
พวกนี้มความต้องการคล้ายๆกับmammillaria ในเรื่องแดดครับ พวกนี้ถ้าไม่ได้แสง
ต้นเค้าจะยืด
จนต้นเสียทรงไปเลย
สำหรับน้ำ พวกนี้ต้องการน้ำ3-7วันครั้ง มากกว่าพวก mammillaria นิดนึง
สำหรับน้ำ พวกนี้ต้องการน้ำ3-7วันครั้ง มากกว่าพวก mammillaria นิดนึง
-echinocactus
เค้าต้องการแดดที่จัดๆแรงๆครับต้นจะกลมสวยมาก
เรื่องน้ำถ้าเค้าดินชื้นเป็นเวลานานๆนี่เน่าครับ และถ้าเน่าแล้วโอกาสรอดยาก เพระว่า
เค้าเน่าไวมาก
-gymnocalycium
พวกนี้เลี้ยงง่ายครับตายยาก
สามารถเลี้ยงแบบทิ้งๆขว้างๆได้ พ
วกนี้ชอบแดดครับถ้าแดดแรงต้นเค้าจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงออกดำๆ แต่ถ้าแดดไม่แรงพอก็จะเขียวอื๋อ
แลดูเหมือนก้อนมรกตเลย ในการรดน้ำพันธุ์นี้มีความทนทานมากๆๆๆ (รดน้ำครั้งละอาทิตย์) แต่ว่า
เค้าสามารถอยู่ได้ในดินที่ชื้นๆ ใต้ร่มไม้ ได้โดยไม่เน่า น่าอัศจรรย์มาก
-cereus
พวกนี้สามารถเลี้ยงโดยปลูกลงดินโดยไม่ต้องใส่กระถางได้ครับเพราะว่าพันธุ์นี้ไม่ต้องการการดูแลอะไรมากมายและที่สำคัญ
พวกนี้โตไว
ไม่กี่ปีต้นก็สูงชะลูดท่วมหัวแล้วค่ะ
พวกนี้เลื่องลือในการออกดอกใหญ่ๆเป็นจำนวนมากและผลก็สามารถกินได้ครับ
-opuntia
พวกนี้ก็สามารถปลูกลงดินได้ครับเค้าทนมากและสามารถนำมาทำเป็นรั้วบ้านได้และทนทานเรื่องโรคต่างๆ
การต่อยอด (graft)
ใช้สำหรับกรณีที่ต้นไม้ที่รากเน่าจนไม่สามารถปลูกได้ครับ
เพื่อยื้อชีวิต และใช้สำหรับไม้ที่ไม่สามารถสร้างอาหารเองได้เช่น ยิมโนหัวสี
ไม้ด่างทั้งหลาย
และสามารถต่อเพื่อเป็นการลดระยะเวลาในการเจริญเติบโตเพราะเมื่อการฟแล้วเค้าจะโตไวมากสามารถเร่งการเจริญเติบโตได้
การแตกหน่อและการออกดอก
ทั้งสองอย่างนี้จะเกิดขึ้นเมื่อต้นไม้ได้มีอายุมากพอที่จะออกดอกแล้ว
โดยส่วนใหญ่จะออกตอนต้นใหญ่ประมาณกำปั้น ในการสังเกตว่าอันไหนเป็นดอก,ยอดไมายากครับ
ถ้าเป็นตุ่มดอกบางพันธุ์จะมีขนปกคลุมบิเวณที่จะออกดอกส่วนมากก็บริเวณยอด
เรื่องการแตกหน่อ สามารถสังเกตได้ว่าจะมีตุ่มเล็กๆเกิดขึ้นบริเวณกลางๆต้น tipเล็กๆน้อยๆ
ในการสังเกตุว่าแคคตัสเป็นพันธุ์อะไรสามารถสังเกตได้ดังนี้
-mammillaria
พวกนี้จะมีตุ่มหนามกระจายรอบลำต้นอย่างไม่เป็นระเบียบลำต้นจะออกกลมๆ
และออกดอกเล็กๆ และบางพันธุ์อาจมีขนด้วย
-
echonocactusและechinopsis
พวกนี้จะมีตุ่มหนามเรียงกันเป็นแถวจากบนลงล่างอย่างเป็นระเบียบ
และechonocactus จะมีหนามที่แหลมคมและออกอกบริเวณยอดจะออกดอกเมื่อต้นใหญ่มากๆและต้องใช้เวลา10กว่าปี ส่วนechonopsisจะมีหนามเล็กๆแต่แหลมคมและจะออกดอกเมื่อต้นใหญ่เท่ากำปั้นและตุ่มดอกจะเป็นตุ่มที่มีขนปกคลุม
-cereus
จะมีลำต้นทรงกระบอกคล้ายดาวสี่แฉกหนามจะเรียงเป็นระเบียบและมีดอกขนาดใหญ่
-opuntia
ลำต้นเป็นวงรีมีตุ่มหนามกระจายรอบต้นอย่างไม่เป็นระเบียน
*เราสามารถบังคับพันธุ์นี้ให้ออกหนามยาวๆแหลมคมได้โดยอดน้ำเค้าสักเดือนนึง
ข้อมูลจาก pantip.com สมาชิกหมายเลข 3048671
รูปภาพจาก Instagram
google.com
รูปภาพจาก Instagram
google.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น