บทความที่ได้รับความนิยม

วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2560

พันธุ์ไม้ออกดอก ปลูกได้ในคอนโด

พันธุ์ไม้ออกดอก  ปลูกได้ในคอนโด


มะลิ : โดยทั่วไปหลายคนคงชินกับการปลูกมะลิไว้นอกบ้าน แต่จริงๆแล้วมะลิสามารถปลูกไว้ในบ้านได้ กลิ่นของดอกมะลิช่วยให้รู้สึกสบายและสดชื่น แถมยังมีงานวิจัยพบว่ากลิ่นของมะลิช่วยให้ความจำดีอีกด้วย

สรรพคุณของมะลิ

  1. ดอกมะลิมีรสหอมเย็น มีสรรพคุณบำรุงหัวใจ ทำให้ชื่นใจ จิตใจชุมชื่น แก้อาการอ่อนเพลีย ชูกำลัง (ดอก)
  2. ชาวโอรังอัสลี ในรัฐเประ ประเทศมาเลเซีย จะใช้รากนำไปต้มแล้วดื่มน้ำเป็นยาแก้เบาหวาน (ราก)
  3. หากมีอาการนอนไม่หลับ ให้ใช้รากแห้งประมาณ 1-1.5 กรัมนำมาฝนกับน้ำรับประทาน (ราก)
  4. ดอกสดนำมาตำให้ละเอียดใช้พอกขมับ จะช่วยแก้อาการปวดศีรษะได้ (ดอก) หรือจะใช้รากสดประมาณ 1-1.5 กรัมนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ปวดศีรษะก็ได้ (ราก)
  5. ช่วยแก้เจ็บตา (ดอก)
  1. รากสดใช้ทำเป็นยาล้างตาแก้เยื่อตาอักเสบ (ราก)[1] ใบและรากใช้ทำเป็นยาหยอดตา (ใบ, ราก) บ้างว่าใช้ดอกมะลิสดที่ล้างน้ำสะอาด นำมาต้มกับน้ำจนเดือดสักครู่ แล้วนำน้ำที่ได้มาใช้ล้างตาแก้ตาแดง เยื่อตาขาวอักเสบ (ดอก)
  2. ช่วยแก้อาการเจ็บหู (ดอกและใบ)
  3. ช่วยแก้อาการปวดฟัน ด้วยการใช้รากสดนำมาทุบให้แหลกคั่วกับเหล้าจนร้อน ใช้พอกบริเวณที่ปวด (ราก)หากปวดฟันผุ ให้ใช้รากมะลิตากแห้งนำมาบดให้เป็นผง ผสมกับไข่แดงที่ต้มสุกแล้วจนได้ยาที่เหนียวข้น ใช้ใส่ในรูฟันผุ (ราก)
  4. ดอกและใบมีรสเผ็ดชุ่ม เป็นยาเย็น ช่วยดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ ใช้เป็นยาแก้ร้อนในกระหายน้ำ ขับเหงื่อขับความชื้น แก้ไข้หวัดแดด (ดอกและใบ)รากใช้ฝนกับน้ำเป็นยาแก้ร้อนใน (ราก)
  5. ใช้ใบสดประมาณ 3-6 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทานเป็นยาแก้ไข้ (ใบ)
  6. ตำรับยาแก้หวัดแดด มีไข้ ให้ใช้ดอกมะลิแห้ง 3 กรัม, ใบชาเขียว 3 กรัม, เมล็ดเฉาก๊วย 9 กรัมนำมารวมกันต้มกับน้ำรับประทาน (ดอก)
  7. ดอกสดนำมาตำใส่พิมเสน ใช้สุมหัวเด็กแก้ซาง แก้หวัด แก้ตัวร้อน (ดอก)
  8. ช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน ด้วยการใช้รากสดประมาณ 1-1.5 กรัมนำมาต้มกับน้ำรับประทาน (ราก)
  9. ดอกแก่ใช้เข้ายาหอมเป็นยาแก้หืด (ดอก)
  10. ช่วยแก้หอบหืด หลอดลมอักเสบ ด้วยการใช้รากสด 1-1.5 กรัมนำมาต้มกับน้ำรับประทาน (ราก)[1],[4]
  11. รากใช้เป็นยาแก้โรคเกี่ยวกับทรวงอก (ราก)
  12. ดอกสดนำมาตำให้ละเอียดใช้พอกหรือเช็ดบริเวณเต้านมเพื่อให้หยุดการหลั่งของน้ำนมได้ (ดอก)
  13. ใบสดประมาณ 3-6 กรัม นำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้ปวดท้อง ท้องเสีย ท้องอืดแน่น (ใบ) หรือจะใช้ดอกมะลิแห้ง 3 กรัม, ใบชาเขียว 3 กรัม, เมล็ดเฉาก๊วย 9 กรัม นำมารวมกันต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ท้องเสีย (ดอก)
  14. ช่วยแก้อาการเสียดท้อง (ราก)
  15. ใช้ดอกสดหรือดอกแห้งประมาณ 1.5-3 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทานเป็นยาแก้โรคบิด แก้อาการปวดท้อง (ดอก, ดอกและใบ)
  16. ชาวโอรังอัสลีในรัฐเประ ประเทศมาเลเซีย จะนำใบอ่อนใสแช่ในน้ำเย็น ใช้ดื่มแก้นิ่วในถุงน้ำดี (ใบ)
  17. ช่วยบำรุงครรภ์รักษา (ดอก)
  18. ช่วยขับประจำเดือนของสตรี (ราก)
  19. ดอกสดนำมาตำใช้เป็นยาทารักษาแผลเรื้อรัง ทาฝีหนอง ผิวหนังผื่นคัน เยื่อตาอักเสบ และแก้ปวดหูชั้นกลาง (ดอก) ช่วยแก้ฝีหนอง (ดอกและใบ)
  20. ใบสดนำมาตำใช้เป็นยาแก้โรคผิวหนัง แผลโรคผิวหนังเรื้อรัง แก้ฟกช้ำ และบาดแผล (ใบ) หรือใช้ใบสดนำมาตำให้ละเอียดผสมกับน้ำมันมะพร้าวใหม่ ๆ นำไปลนไฟ ใช้ทารักษาแผล ฝีพุพอง (ใบ)
  21. รากมีรสเผ็ดขม เป็นยาเย็น มีพิษเล็กน้อย ใช้เป็นยาชา ยาแก้ปวด ให้ใช้รากสดประมาณ 1-1.5 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทานเป็นยาแก้ปวด (ราก)
  22. ใช้แก้กระดูกร้าว ฟกช้ำ ให้ใช้รากแห้ง 1.5 กรัม นำมาฝนกับเหล้ารับประทาน (ราก) หรือจะใช้รากสดตำพอกแก้ฟกช้ำ เคล็ดขัดยอกเนื่องจากการหกล้ม (ราก)
  23. ใบช่วยขับน้ำนมของสตรี (ใบ)
  24. ตำรายาไทยจะใช้ดอกมะลิแห้งปรุงเป็นยาหอม โดยจัดให้ดอกมะลิอยู่ในพิกัดเกสรทั้ง 5, พิกัดเกสรทั้ง 7, พิกัดเกสรทั้ง 9 เป็นตำรับยาที่มีสรรพคุณแก้ไข้ ช่วยทำให้จิตใจชุ่มชื่น (ดอก)
  25. นอกจากนี้ยังมีการนำดอกมะลิผสมเข้ายาหอมที่มีสรรพคุณบำรุงหัวใจ ทำให้จิตใจชุ่มชื่น แก้ลมวิงเวียน เช่น ในตำรับยาหอมเทพจิต ยาหอมทิพโอสถ ยาหอมนวโกฐ และยาหอมอินทจักร์ ซึ่งมีส่วนประกอบหลักเป็นดอกมะลิ และยังใช้เป็นส่วนผสมในตำรับยาแก้ไข้มิรู้จักสติสมปฤดี ยาประสะจันทน์แดง ยามหานิลแท่งทอง เป็นต้น (ดอก)



เดหลี : ไม้ประดับที่โดดเด่นด้วยดอกสีขาวสวยงามแถมด้วยความสามารถในการดูดสารพิษ เหมาะแก่การประดับไว้ในห้องนั่งเล่น เดหลีเป็นหนึ่งในไม้ประดับจำนวนน้อยที่สามารถออกดอกได้แม้อยู่ในอาคาร ใครที่ชื่นชอบไม้ดอก เดหลีเป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว

https://goo.gl/YsfV4x

ประโยชน์เดหลี
1. เดหลีนิยมปลูกเป็นไม้ประดับต้น และประดับดอก เนื่องจาก ลำต้น และใบมีสีเขียวเข้ม ใบมีขนาดใหญ่ ส่วนดอกจะมีสีขาว สามารถให้ดอกได้ตลอดทั้งปี
2. เดหลี นอกจากจะปลูกประดับแล้ว ยังจัดเป็นไม้มงคลที่เชื่อว่าจะทำให้ผู้ปลูกมีอายุมั่นขวัญยืน ช่วยปัดเป่าภัย และนำโชคลาภมาให้
3. เนื่องจากต้นเดหลีมีใบขนาดใหญ่ สีเขียวเข้ม จึงเชื่อว่าเป็นไม้ที่ช่วยดูดซับสารพิษได้ดี จึงนิยมปลูกในกระถางสำหรับตั้งไว้ในอาคาร ในห้องรับแขกหรือในห้องทำงาน เพื่อช่วยดูดซับสารมลพิษ
4. ดอกเดหลีเมื่อออกดอกจะมีกลิ่นหอม จึงนิยมนำต้นเดหลีที่ออกดอกแล้วมาวางไว้ในบ้านหรือห้องรับแขกสำหรับปรับกลิ่นอากาศ ซึ่งสามารถให้กลิ่นหอมได้นาน 8-10 วัน ในการออกดอกแต่ละครั้ง และส่งกลิ่นหอมมากในช่วงเช้า เวลา 07.00-10.00 น.

puechkaset.com เดหลี
sanook.com home 12565
medthai.com/มะลิ



ฟอกอากาศด้วยพันธุ์ไม้ ในห้อง

                    คนส่วนใหญ่มักมองว่าการปลูกต้นไม้ภายในบ้าน ไม่เหมาะสมเท่าที่ควร เพราะต้นไม้ต้องการแสงแดด และต้องการออกซิเจน ในตอนกลางคืนต้นไม้อาจจะแย่งอากาศเราหายใจได้ แต่ใครจะรู้ว่าต้นไม้ ถ้าจัดให้ดีจะช่วยฟองอากาศภายในบ้านของเราได้ด้วยนะคะ  เรามาดูตัวอย่างพันธุ์ไม้ที่ช่วยปัญหาได้กันดีกว่าค่ะ


เศรษฐีเรือนใน : เป็นไม้กอขนาดเล็กที่นิยมปลูกเป็นไม้ประดับทั้งภายในและภายนอกอาคาร โดยปลูกในกระถางแขวนหรือปลูกเป็นพืชคลุมดินก็ได้






เฟิร์นดาบออสเตรเลีย : ป็นเฟิร์นที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีก้านใบยาวบางครั้งอาจยาวถึง 1 เมตร ใบมีสีเขียวสด ก้านใบมีสีน้ำตาล ก้านใบแข็ง ใบจะขึ้นหนาทึบไม่มีดอก สามารถดูดสารพิษจำพวกฟอร์มาดีไฮด์ ไซลีน และโทลูอีน ได้ดีมาก




พลูด่าง : เป็นไม้เลื้อย ที่ลำต้นมีรากงอกออกมาตามข้อ ใบกลมป้อมคล้ายรูปหัวใจ ปลายใบแหลม โคนใบโค้งมนเล็กน้อย ใบมีสีเขียวและมีรอยด่างสีเหลืองอยู่ที่ใบทำให้ดูสวยงาม หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าพลูด่างสามารถดูดสารพิษในอากาศได้เช่นกัน




หน้าวัว : เป็นไม้พุ่มเตี้ย มีอายุหลายปี เป็นไม้ดอกที่มีรูปร่างแปลกตา สีสันสดสวย ออกดอกได้ตลอดปี ใบเป็นรูปหัวใจคล้ายใบบอน ถ้าปลูกภายในบ้านหรืออาคารสำนักงานควรวางในที่ที่สามารถรับแดดได้บ้างพอสมควร รดน้ำวันละ 2 ครั้งในตอนเช้าและตอนเย็น ในฤดูร้อนและฤดูหนาวความชื้นในอากาศมีน้อย ควรรดน้ำเพิ่มในช่วงบ่าย การให้ปุ๋ยนิยมให้ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยเคมีละลายน้ำ




จั๋ง : เป็นพืชในตระกูลปาล์ม มีการเจริญเติบโตค่อนข้างช้า แต่เป็นพืชที่เลี้ยงง่าย ทนแล้งได้ดี เจริญเติบโตได้แม้ในที่ที่มีอากาศแห้งแล้งหรือขาดน้ำเป็นเวลาหลายๆ วัน ทนต่อโรคและแมลงได้ดี แต่ต้องการแสงแดดพอสมควร


เข็มริมแดง :  เป็นไม้ประดับที่มีรูปทรงแปลกตา มีใบแหลมเป็นพุ่มแตกออกจากตอหรือลำต้นที่ตั้งตรง และเป็นไม้ประดับที่เด่นด้วยสีสันของใบ ที่มีทั้งเขียว เหลือง แดงอยู่ในใบเดียวกัน แต่ขอบใบจะเป็นสีแดงซึ่งทำให้เป็นที่มาของชื่อ เป็นพืชที่มีความทนทานมาก ปลูกได้ดีแม้ในที่ที่มีแสงน้อย เข็มริมแดงเป็นไม้ประดับที่มีความสามารถสูงในการดูดสารพิษในอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารพิษจำพวกไซรีนและไตรครอโรเอทไทรีน





ข้อมูล decor.mthai.com/garden
รูปภาพ google.com

บทบรรณาธิการ

PIC : ABOVE THE MARS

            แม้เวลาจะเปลี่ยนแปลง กาลเวลาไม่หยุดเดิน ณ ปัจจุบันบ้านเรือนน้อยใหญ่เกิดขึ้นมากมาย ความอุดมสมบูรณ์เริ่มหายไป ถูกแทนที่ด้วยก้อนคอนกรีตอันใหญ่โต เกิดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดแต่ไม่หายไปตามกาลเวลา สิ่งที่หลงเหลือเพียงนิดเดียวของความสมบูรณนี้ แม้ไม่มีพื้นที่ให้ต้นไม้ได้เติมโตเป็นไม้สูงใหญ่ เราหวังให้การเติมโตของต้นไม้ ดอกไม้ อยู่คู่กับความเจริญของมนุษย์ได้โดยไม่ต้องมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งหายไป
            เรานั่งคิดถึงช่วงเวลาที่กระถางต้นไม้ริมหน้าต่างของเราจะบาน ก็เผลอคิดได้ว่า เราไม่จำเป็นต้องปฏิเสธสิ่งใด ให้อีกสิ่งได้อยู่ เราก็แค่จับให้มันมาอยู่รวมกัน พื้นดินไม่มี ถ้าอย่างนั้นก็วางต้นไม้บนโต๊ะ ตู้ เตียง ระเบียง หรือมุมห้องเล็กๆ เราก็จัดพื้นที่ให้มีพื้นที่สีเขียวขึ้นมาในห้องได้ หาพื้นที่ให้ต้นไม้ได้เติมโตในมุมที่เหมาะสม หลายคนอาจจะสงสัยว่าจะปลูกต้นไม้อย่างไรเมื่อเราไม่มีพื้นที่ จะทำอย่างไร จะปลูกได้เหรอ อากาศจะเหมาะสมไหม แสงแดดจำเป็นไหม จริงๆการปลูกต้นไม้เหมือนเรื่องที่เราต้องเรียนมาตั้งแต่สมัย ประถม หรือ มัธยม  การปลูกกล้าลงดิน รดน้ำ ใส่ปุ๋ย หรือแม้แต่การเพราะพันธุ์ต้นไม้ กิ่งไม้ ตอนกิ่ง ปักชำ ปลูกเมล็ดลงดิน ต่างๆมากมาย เหมือนเป็นความรู้พื้นฐานอยู่แล้วที่เราจำเป็น
            พันธุ์ไม้แบบไหนกันล่ะที่เหมาะจะปลูกในพื้นที่จำกัดแบบ หอพัก คอนโด ในห้องที่ไม่มีดิน การดูแลในแต่ละสายพันธุ์จะไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน เราจะนำเสนอเรื่องราว การปลูกที่เหมาะสมแก่ต้นไม้ต้นเล็กเหล่านั้น เพื่อในพื้นที่เล็กๆของหลายคนที่อยากจะเห็นสีเขียวเล็กๆ อยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของเรา ในความเป็นอยู่ มุมการทำงาน ผักผ่อนอันสวยงามจะรายล้อมไปด้วยความร่มเย็นของกิ่งไม้ จะมีกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ที่ผลิบานตามฤดูกาลให้เราได้สัมผัส
            เรามาเรียนรู้ ดูการเติมโต และเฝ้าคอยที่จะดูผลผลิตที่งดงามของเรา ในการสร้างพื้นที่สีเขียวให้ทั่วทุกหน ทุกแห่ง แม้จะไม่มีผืนดินแต่เราจะทำให้เกิดมุมไม้ ไม้ให้อากาศ ไม้ให้ชีวิต มาเรียนรู้วิธีการปลูกต้นไม้ ในพื้นที่จำกัดกันเถอะ



สุทธิชา  ภิญโญยิ่ง
บรรณาธิการ

กระบองเพชร

กระบองเพชร

   โดยธรรมชาติของกระบองเพชรจะสามารถอยู่ได้ในกลางแจ้งที่มีแดดจัดเต็มที่ เพราะลักษณะของกระบองเพชรที่อยู่กลางแจ้ง จะมีผิวที่กร้านแดด ไม่สดใสสวยงาม ถ้าเทียบกับกระบองเพชรที่เลี้ยงโดยมีการพังแสงบ้างเล็กน้อย เว้นแต่ชนิดที่มีขนหรือหนามปกคลุมจนมิดเนื้อลำต้น
แคคตัสนั้นเป็นพืชที่สามารถกักเก็บน้ำในลำต้นเป็นเวลานานดังนั้นการรดน้ำแคคตัส เราควรรดน้ำเฉลี่ยอาทิตย์ละครั้ง ย้ำนะ "เฉลี่ย"
ทั้งนี้ควรดูตัวแปรสำคัญในการรดน้ำด้วยนะ เช่น
    สภาพอากาศ
ในการรดน้ำเราต้องดูว่าอากาศเป็นยังไงถ้าฝนจะตก(หรือว่าตกแล้ว)หรืออากาศชื้นก็ไม่ต้องรด ถ้าอากาศแห้งเราควรพิจารณาดินว่าแห้งยัง ถ้าแห้งแล้วก็รดเลย
   


 ฤดูกาล
ทุกๆฤดูเราสามารถรดน้ำได้เฉลี่ยอาทิตย์ละครั้งถ้าในฤดูร้อนเราสามารถรดน้ำได้เป็นอาทิตย์ละสองครั้งได้ แต่ฤดูฝน เมื่อฝนตกแล้วพบว่าดินในกระถางเปียกอยู่ อย่างนี้อันตราย ควรเก็บเข้าไปในร่มเพื่อป้องกันรากเน่า
      -กระถาง ถ้าเป็นกระถางดินเผาดินจะแห้งได้เร็วเราสามารถรดน้ำได้เมื่อดินแห้ง ประมาณ3-4วันดินก็แห้ง แล้ว
กระถางพลาสติกกับกระถางเซรามิกพวกนี้จะแห้งช้าหน่อย บางที7วันก็ยังไม่แห้งเลย พวกนี้เราต้องสังเกตดีๆว่าดินแห้งหรือยังเพราะเราสังเกตได้ยาก โดยการนำไม้จิ้มลงไปแล้วดึงออกมาถ้าไม่มีดินเปียกๆแสดงว่าดินแห้งแล้ว ก็สามารถรดน้ำได้เลยค่ะ
     -ลักษณะของต้น สามารถสังเกตโดยดูว่าต้นได้เหี่ยวๆรึเปล่าถ้ามันเหี่ยว ก็ดูต่อไปอีกว่าดินแห้งยัง ถ้าแห้งแสดงว่า เขามีอาการขาดน้ำ เราต้องรดน้ำครับ แต่ถ้ามันเหี่ยวทั้งๆที่ดินชื้นอยู่ให้ดึงออกมาดูว่ารากเน่าหรือเปล่า 

     

แสง
เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญมากเพราะแคคตัสเป็นไม้ทะเลทรายต้องการแดดจัดๆ ตลอดทั้งวัน แต่ค่ะแต่ แคคตัส  ต้นที่ยังเล็กๆอยู่ เค้าบอบบางครับ เราไม่ควรนำไปตากแดดตรงๆนัก  ควรจะพรางแสงซัก50% ไม่งั้น
ต้นอาจจะไหม้ได้ครับ สำหรับต้นใหญ่ๆสามารถนำไปตากแดดได้โดยตรงครับ แต่ว่าแคคตัสที่ไม่เคยออกแดดเลยเราควรพรางแสงให้ก่อนสัก7วันเพื่อให้เค้าปรับตัว เป็นการป้องกันไม้ให้ผิวเสียค่ะ


**สำหรับแคคตัสGymnocalycium
ถ้าเค้าตากแดดมากๆเค้าจะเป้นสีดำออกม่วงๆ ไม่ต้องตกใจครับมันเป็นธรรมชาติของพันธุ์
ดิน





          เราสามารถใช้ดินปลูกต้นไม้ทัวไปตามร้านค้า แคคตัสสามารถเติบโตได้
ในดิน(เกือบ)ทุกประเภท ยกเว้น ดินเหนียวดังนั้นดินชนิดอื่นๆก็
กสมารถปลูกได้ครับแต่ก่อนปลูกอย่าลืมหาเศษหิน ถ่าน รองก้นกระถางก่อนครับ เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดีชนิดของพันธุ์
แคคตัสแต่ล้ชนิดมความต้องการต่างกันนะครับบางพันุ์ก็ต้องการแสง,น้ำ มากน้อยต่างกัน คือ
        -mammillaria
เช่นพวกแมมขนนกพวกนี้ชอบแดดจัดๆครับยิ่งได้แดดมากเค้ายิ่งงาม เค้าไม่ค่อยชอบน้ำครับควรรดน้ำประมาณ3-10วันครั้งถ้าโดนน้ำมากๆนี่เน่าได้เลยนะครับและเน่าง่ายด้วย เช่นแมมขนนก แมมนิ้วทอง
        -echonopsis
พวกนี้มความต้องการคล้ายๆกับmammillaria ในเรื่องแดดครับ พวกนี้ถ้าไม่ได้แสง ต้นเค้าจะยืด
จนต้นเสียทรงไปเลย
 สำหรับน้ำ  พวกนี้ต้องการน้ำ3-7วันครั้ง มากกว่าพวก mammillaria นิดนึง
        -echinocactus
เค้าต้องการแดดที่จัดๆแรงๆครับต้นจะกลมสวยมาก เรื่องน้ำถ้าเค้าดินชื้นเป็นเวลานานๆนี่เน่าครับ และถ้าเน่าแล้วโอกาสรอดยาก เพระว่า เค้าเน่าไวมาก
        -gymnocalycium
พวกนี้เลี้ยงง่ายครับตายยาก สามารถเลี้ยงแบบทิ้งๆขว้างๆได้ พ วกนี้ชอบแดดครับถ้าแดดแรงต้นเค้าจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงออกดำๆ  แต่ถ้าแดดไม่แรงพอก็จะเขียวอื๋อ
แลดูเหมือนก้อนมรกตเลย ในการรดน้ำพันธุ์นี้มีความทนทานมากๆๆๆ (รดน้ำครั้งละอาทิตย์) แต่ว่า เค้าสามารถอยู่ได้ในดินที่ชื้นๆ ใต้ร่มไม้ ได้โดยไม่เน่า น่าอัศจรรย์มาก
        -cereus
พวกนี้สามารถเลี้ยงโดยปลูกลงดินโดยไม่ต้องใส่กระถางได้ครับเพราะว่าพันธุ์นี้ไม่ต้องการการดูแลอะไรมากมายและที่สำคัญ พวกนี้โตไว
ไม่กี่ปีต้นก็สูงชะลูดท่วมหัวแล้วค่ะ
พวกนี้เลื่องลือในการออกดอกใหญ่ๆเป็นจำนวนมากและผลก็สามารถกินได้ครับ
       -opuntia
พวกนี้ก็สามารถปลูกลงดินได้ครับเค้าทนมากและสามารถนำมาทำเป็นรั้วบ้านได้และทนทานเรื่องโรคต่างๆ
การต่อยอด (graft)
ใช้สำหรับกรณีที่ต้นไม้ที่รากเน่าจนไม่สามารถปลูกได้ครับ เพื่อยื้อชีวิต และใช้สำหรับไม้ที่ไม่สามารถสร้างอาหารเองได้เช่น ยิมโนหัวสี ไม้ด่างทั้งหลาย และสามารถต่อเพื่อเป็นการลดระยะเวลาในการเจริญเติบโตเพราะเมื่อการฟแล้วเค้าจะโตไวมากสามารถเร่งการเจริญเติบโตได้
การแตกหน่อและการออกดอก
ทั้งสองอย่างนี้จะเกิดขึ้นเมื่อต้นไม้ได้มีอายุมากพอที่จะออกดอกแล้ว โดยส่วนใหญ่จะออกตอนต้นใหญ่ประมาณกำปั้น ในการสังเกตว่าอันไหนเป็นดอก,ยอดไมายากครับ ถ้าเป็นตุ่มดอกบางพันธุ์จะมีขนปกคลุมบิเวณที่จะออกดอกส่วนมากก็บริเวณยอด
เรื่องการแตกหน่อ สามารถสังเกตได้ว่าจะมีตุ่มเล็กๆเกิดขึ้นบริเวณกลางๆต้น tipเล็กๆน้อยๆ
ในการสังเกตุว่าแคคตัสเป็นพันธุ์อะไรสามารถสังเกตได้ดังนี้
        -mammillaria
พวกนี้จะมีตุ่มหนามกระจายรอบลำต้นอย่างไม่เป็นระเบียบลำต้นจะออกกลมๆ และออกดอกเล็กๆ และบางพันธุ์อาจมีขนด้วย
        - echonocactusและechinopsis
พวกนี้จะมีตุ่มหนามเรียงกันเป็นแถวจากบนลงล่างอย่างเป็นระเบียบ และechonocactus จะมีหนามที่แหลมคมและออกอกบริเวณยอดจะออกดอกเมื่อต้นใหญ่มากๆและต้องใช้เวลา10กว่าปี ส่วนechonopsisจะมีหนามเล็กๆแต่แหลมคมและจะออกดอกเมื่อต้นใหญ่เท่ากำปั้นและตุ่มดอกจะเป็นตุ่มที่มีขนปกคลุม
        -cereus
จะมีลำต้นทรงกระบอกคล้ายดาวสี่แฉกหนามจะเรียงเป็นระเบียบและมีดอกขนาดใหญ่
        -opuntia
ลำต้นเป็นวงรีมีตุ่มหนามกระจายรอบต้นอย่างไม่เป็นระเบียน *เราสามารถบังคับพันธุ์นี้ให้ออกหนามยาวๆแหลมคมได้โดยอดน้ำเค้าสักเดือนนึง


ข้อมูลจาก pantip.com สมาชิกหมายเลข 3048671
รูปภาพจาก I
nstagramwmaewmay
google.com